สตอรี่ฟิช เป็นหนึ่งในอาหารโดดเด่นจากภาคสุปาง ซึ่งไม่เพียงมีลักษณะที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังมีความอร่อยที่เป็นเอกลักษณะและชพิชิตกลิ่นรับประทานหลายคนด้วย ดังนั้น ลองเข้าสู่ห้องครัวด้วยกันและเปิดเผยความลึกลับของอาหารอร่อยนี้เพื่อทำในบ้านและรับประทานอย่างหอมอร่อย
1. การเตรียมวัตถุดิบ
- ปลา: เลือกปลาปลาโลว์หรือปลาเกียวที่สด มีมวลประมาณ 750 กรัมถึง 1000 กรัม ปลาประเภทนี้มีเนื้อเนียนและมีแผลงไม่เยอะมาก ทำให้เหมาะสำหรับการทำสตอรี่ฟิชอย่างยิ่ง ปลาที่สดจะมีตาเรืองและดูเด่น เส้นรากปากเป็นสีแดงสด และแป้งปลาสมบูรณ์และมีแสงสว่าง
- ส่วนผสมเสริม: เตรียมกุ้ง, ถั่วเขียว และผักหมักอบปุร้อนพอดี กุ้งควรสด สามารถแปรรับด้วยเกลือ, เหล้าและแป้งแป้งทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมงเพื่อเพิ่มความอร่อย ถั่วเขียวสามารถเลือกใช้ถั่วเขียวสด หรือถั่วเขียวแช่แข็งในกรณีที่ไม่มีถั่วเขียวสดให้ใช้ ให้แช่แข็งไว้ล่วงหน้า ผักหมักอบปุร้อนจะเพิ่มรสชาติพิเศษให้กับอาหาร ควรปรับปรุงปริมาณตามความชอบ
- เครื่องปรุงรส: หัวหอม, แกง, กระเทียม,แซลัดโซซิ, น้ำตาลทราย, น้ำมะนาว, เกลือ, เหล้า และแป้งแป้งเต้า ออกหัวหอมเป็นชิ้นใหญ่ แกงเป็นชิ้นแผ่น และ กระเทียมเป็นผง เพื่อลดกลิ่นปากและเพิ่มรสชาติ แซลัดโซซิควรเลือกประเภทที่มีคุณภาพดี เพราะเป็นต้นกำเนิดของรสเปรี้ยวหวานในสตอรี่ฟิช อัตราส่วนระหว่างน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวสามารถปรับตามความชอบ แต่โดยทั่วไปจะเป็น 2:1.5 เกลือและเหล้าใช้สำหรับการแปรรับเนื้อปลา เพื่อลดกลิ่นปาก และแป้งแป้งเต้าใช้สำหรับห่อเนื้อปลา เพื่อทำให้เนื้อปลาเป็นกรอบหลังจากทอด
2. การเตรียมปลา
- ทำลายปลาและล้างสะอาด ให้ลบแป้งปลา, เส้นรากปากและอวัยวะภายในออก ให้ปลาสะอาดโดยไม่มีเนื้อหาเสียหายใด ๆ ทำรอยขีดบนแต่ละด้านของปลาเพื่อให้รสเข้าไปได้ง่าย
- ตัดเนื้อปลาออกจากกระดูกหลัง ด้วยระมัดระวังเพื่อไม่ตัดก้นปลา ให้ปลาเกิดเป็นรูปแบบเดียวกัน ต่อมา ลบแผลงในช่องปากออก และวางเนื้อปลาทั้งสองด้านให้ผิวปลาใต้ดินแดน ใช้คมตัดเป็นรูปเหลี่ยมขนมปัง ด้วยความลึกประมาณ 2/3 ของเนื้อปลา ระมัดระวังเพื่อไม่ตัดผิวปลา
- เสียเกลือและเหล้าให้บั่ว ๆ บนเนื้อปลาที่เตรียมไว้ ใส่หัวหอมและแกงลงไป แปรรับเป็นเวลา 15 ถึง 20 นาที เพื่อให้เนื้อปลาสะสมรสจากเครื่องปรุงรสและลดกลิ่นปาก
3. การทอดเนื้อปลา
- เอาเนื้อปลาที่แปรรับออกมา และลบหัวหอมและแกงออก ใช้กระดาษครัวเพื่อดูดน้ำจากผิวเนื้อปลา นี่เป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะหากไม่ทำอย่างนี้ จะทำให้ฝุ่นจากน้ำมันฉีกออกและทำให้เนื้อปลาไม่กรอบได้ดี
- ห่อเนื้อปลาให้บั่ว ๆ ด้วยแป้งแป้งเต้า ให้แน่ใจว่าเนื้อปลาทุกส่วน รวมถึงรอยขีดในรูปเหลี่ยมขนมปัง ถูกห่อด้วยแป้งแป้งเต้า ทิ้งแป้งแป้งเต้าที่เหลือออกอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการหลุดของแป้งแป้งเต้าในระหว่างการทอด
- เตรียมหม้อน้ำมันให้เต็ม ใส่น้ำมันเข้าไปในหม้อและทำให้น้ำมันร้อนจนถึงอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นั่นคือ เมื่อใส่ไม้ลวดลงไป จะมีบublesออกมาอย่างรวดเร็ว ใช้มือจับก้นปลาและใส่เนื้อปลาลงในน้ำมันอย่างช้า ๆ ทอดส่วนหัวปลาก่อน จนมีรูปร่างแล้วค่อยใส่เนื้อปลาทั้งตัวลงไป ในระหว่างการทอด ใช้โหลดน้ำมันร้อนเพื่อโยนไปที่เนื้อปลาเพื่อให้เนื้อปลาเข้าไปในน้ำมันได้อย่างสม่ำเสมอ ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ประมาณ 8 ถึง 10 นาที แล้วนำปลาออกและวางไว้บนจาน
- ให้น้ำมันร้อนอีกครั้ง จนถึงอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส แล้วทอดเนื้อปลาอีกครั้งเป็นเวลา 1 ถึง 2 นาที เพื่อทำให้เนื้อปลาเป็นกรอบยิ่งขึ้น นำปลาออกและระเหยน้ำมันออก เนื้อปลาจะมีสีเหลืองทองที่น่าดึงดูดและมีรูปร่างคล้ายกระรอกที่สดชื่น
4. การปรุงซอส
- เตรียมหม้อน้ำมันเล็ก ๆ ใส่ กระเทียมผงลงไปย่างจนออกกลิ่นหอม ใวกุ้งลงไปย่างจนเปลี่ยนสี ต่อมา ใว่ถั่วเขียวและผักหมักอบปุร้อนลงไปย่างเพียงไม่กี่ครั้ง
- ใส่แซลัดโซซิลงไปในหม้อ ปรุงด้วยไฟต่ำและย่างให้เข้ากันอย่างสม่ำเสมอ จนแซลัดโซซิออกน้ำมันแดง ปริมาณแซลัดโซซิสามารถปรับตามความชอบในการรับรสเปรี้ยวหวาน แต่โดยทั่วไปจะใช้ประมาณ 3 ถึง 4 ช้อนโต๊ะ
- ใส่น้ำเข้าไปในหม้อ ใสน้ำตาลทรายและน้ำมะนาวลงไปย่างให้เข้ากันอย่างสม่ำเสมอ จนทำให้น้ำตาลทรายละลายลงไป ตามความชอบเพิ่มเกลือเล็กน้อยเพื่อปรุงรส เมื่อซอสเดือดขึ้น ใส่แป้งแป้งเต้าเข้าไปเพื่อทำให้ซอสหนาและมีลักษณะคล้ายถั่วเหลือง การปรับรสเปรี้ยวหวานของซอสสามารถทำได้ในขั้นตอนนี้ เพื่อให้ตรงกับความชอบของตัวเอง
5. การจัดจานและกระจายซอส
- วางเนื้อปลาที่ทอดไว้บนจาน และจัดรูปแบบให้ดูสวยงาม
- ใส่ซอสที่ปรุงไว้ลงบนเนื้อปลาอย่างรวดเร็ว ซอสจะทำให้เกิดเสียง “เฟรนช์โทสต์” และกลิ่นหอมจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ในขณะนี้ สตอรี่ฟิชที่มีความสวยงามและความอร่อยพร้อมเสร็จแล้ว
ลองรับประทานซักช้อน คุณจะรู้สึกถึงความกรอบของผิวปลาและความเนียนของเนื้อปลา รสเปรี้ยวหวานของซอสจะแผ่กระจายในปาก และการผสมของกุ้ง, ถั่วเขียว และผักหมักอบปุร้อนจะเพิ่มความหลากหลายของรสชาติให้กับอาหารด้วย โดยทำตามคำแนะนำในบทความนี้ คุณสามารถทำสตอรี่ฟิชคลาสสิกได้อย่างง่ายในบ้าน และนำความประทับใจให้กับครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้อย่างเต็มที่